หน่วยที่
2
ทฤษฎีการจัดการความรู้
2.1 โมเดลเซกิ (SECI Model)
โมเดลเซกิ (SECI Model) ถูกเสนอโดย โนนากะ กับ ทาเคอุชิ (Nonaka และ Takeuchi,1995) คือแผนภาพแสดงความสัมพันธ์การหลอมรวมความรู้ในองค์กรระหว่างความรู้ฝังลึก(Tacit
Knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ใน 4 กระบวนการเพื่อยกระดับความรู้ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวัฎจักร
เริ่มจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) การสกัดความรู้ออกจากตัวคน
(Externalization) การควบรวมความรู้ (Combination) และการผนึกฝังความรู้ (Internalization) และวนกลับมาเริ่มต้นทำซ้ำที่กระบวนการแรกเพื่อพัฒนาการจัดการความรู้ให้เป็นงานประจำที่ยั่งยืน
2.1.1
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Socialization) S : Tacit to Tacit
กระบวนการที่ 1
อธิบายความสัมพันธ์ทางสังคมในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit
knowledge) ด้วยกันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์แบบเผชิญหน้าระหว่างผู้รู้
2.1.2
การสกัดความรู้ออกจากตัวคน (Externalization) E : Tacit
to Explicit
กระบวนการที่ 2
อธิบายความสัมพันธ์กับภายนอกในการส่งต่อระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง (Explicit
knowledge)
2.1.3
การควบรวมความรู้ (Combination) C : Explicit to Explicit
กระบวนการที่ 3
อธิบายความสัมพันธ์การรวมกันของความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) ที่ผ่านการจัดระบบ และบูรณาการความรู้ที่ต่างรูปแบบเข้าด้วยกัน
2.1.4
การผนึกฝังความรู้ (Internalization) I : Explicit to Tacit
กระบวนการที่ 4
อธิบายความสัมพันธ์ภายในที่มีการส่งต่อความรู้ชัดแจ้ง (Explicit
knowledge) สู่ความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) แล้วมีการนำไปใช้ในระดับบุคคล ครอบคลุมการเรียนรู้และลงมือทำ
ภาพที่ 1 โมเดลเซกิ (SECI Model)
2.2 แผนผังก้างปลา
(Fish Bone Diagram)
เรียกเป็นทางการว่าแผนผังสาเหตุและผล (Cause and Effect
Diagram) แผนผังสาเหตุและผลเป็นแผนผังที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา
(Problem) กับสาเหตุทั้งหมดที่เป็นไปได้ที่อาจก่อให้เกิดปัญหานั้น
(Possible Cause) โดยแผนผังนี้มีลักษณะเหมือนก้างปลาที่เหลือแต่ก้างจึงเรียกว่าผังก้างปลาหรือเรียกว่าแผนผังอิชิกาว่า
(Ishikawa Diagram) ตามชื่อผู้พัฒนาแผนผังก้างปลาได้รับการพัฒนาครั้งแรกเมื่อปี
ค.ศ. 1943 (พ.ศ.2486) โดย
ศาสตราจารย์คาโอรุ อิชิกาว่า แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น
(JIS) ได้นิยามความหมายของ ผังก้างปลานี้ว่า “เป็นแผนผังที่ใช้แสดงความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบระหว่างสาเหตุหลายสาเหตุที่เป็นไปได้ที่ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาหนึ่งปัญหา”
2.2.1 การกำหนดปัจจัยบนก้างปลา หลักการ 4M 1E เป็นกลุ่มปัจจัย
(Factors) เพื่อจะนำไปสู่การแยกแยะสาเหตุต่าง ๆ
1) Man คนงาน หรือพนักงาน หรือบุคลากร
2) Machine เครื่องจักรหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวก
3) Material วัตถุดิบหรืออะไหล่ อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการ
4) Method กระบวนการทำงาน
5) Environment อากาศ สถานที่ ความสว่าง และบรรยากาศการทำงาน
ภาพที่ 2
แผนผังก้างปลา (Fish Bone Diagram)
2.3 โมเดลปลาทู
โมเดลปลาทู (Tuna Model:thai-UNAids Model) คิดขึ้นโดย ดร.ประพนธ์
ผาสุกยืดเป็นแนวทางเบื้องต้นในการจัดการความรู้ และในการทำความเข้าใจ 3
ส่วนหลักของการจัดการความรู้ว่าสัมพันธ์กับบุคคล 3
กลุ่มในการดำเนินการจัดการความรู้เปรียบการจัดการความรู้ เหมือนกับปลาทูหนึ่งตัวที่มี
3 ส่วนคือ
1) หัวปลา หมายถึง
เป้าหมายหลักของการดำเนินการจัดการความรู้ สะท้อน "วิสัยทัศน์ความรู้
หรือหัวใจของความรู้ เพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร ส่วนที่เป็นเป้าหมาย
วิสัยทัศน์ หรือทิศทางของการจัดการความรู้
2) ตัวปลา หมายถึง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
หรือการแบ่งปันความรู้ (KS) เป็นส่วนของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3)
"หางปลา" หมายถึง ขุมความรู้ (KA) ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผู้สกัดขุมความรู้
ออกมาจากกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และบันทึกไว้ใช้งานต่อ คือ "คุณกิจ"
โดยที่การจดบันทึกขุมความรู้ อาจมี "คุณลิขิต" เก็บสะสม "
ภาพที่ 3 โมเดลปลาทู
2.4 วงจรชีวิตแบบก้นหอย (Spiral
life cycle model)
คือ
การพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สมบูรณ์จำเป็นต้องมีการดำเนินการหลายวงรอบทบทวนจนกว่าจะได้ซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์ในแต่ละรอบมีรายละเอียดกิจกรรมแตกต่างกันไปอาทิกำหนดแนวคิดความต้องการ
กำหนดการดำเนินการ
กำหนดความต้องการของแผนสร้างต้นแบบแรกประเมินทางเลือกที่เหมาะสมทบทวนแผนพัฒนาต้นแบบ และทดสอบใหม่ออกแบบในรายละเอียดทดสอบครั้งสุดท้าย นำไปติดตั้ง
และใช้งานแล้วทบทวนว่าต้องดำเนินการรอบใหม่หรือไม่ ซึ่งกิจกรรมหลักมี 4 กิจกรรม
หากพบว่าขั้นตอนใดไม่สมบูรณ์ก็จะมีการทบทวน และทำซ้ำ ดังนี้
1)
กำหนดวัตถุประสงค์ (Determine objectives) เป็นกิจกรรมแรกของทุกรอบ
ที่ต้องอาศัยข้อมูลก่อนหน้านี้ไปประกอบการวางแผน กำหนดตัวชี้วัด ระบุทางเลือก
2)
ระบุปัญหา และแก้ไขความเสี่ยง (Identify and resolve risks)
เป็นกิจกรรมที่นำทางเลือกมาประเมินความเสี่ยง และหาแนวทางแก้ไข
3)
พัฒนาและทดสอบ (Development and test) เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการให้ความเสี่ยงหมดไปด้วยการแก้ปัญหาตามที่ได้ประเมินไว้
4)
วางแผนสำหรับวงรอบต่อไป (Plan the next iteration) เป็นกิจกรรมที่มองไปข้างหน้าทดสอบ
และประเมินการบรรลุวัตถุประสงค์ในแต่ละรอบ
แผนผังวงจรชีวิตแบบก้นหอย (Spiral
life cycle model)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น