หน่วยที่ 6 การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำหรับการจัดการความรู้

หน่วยที่ 6
การพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำหรับการจัดการความรู้

6.1  พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดความรู้

      นำมาใช้ตั้งแต่ 1950 ที่มีการนำระบบสารสนเทศแบบประมวลผลรายการ มาใช้สำหรับประมวลผลสารสนเทศที่มีลักษณะเป็นงานประจำ เป็นความรู้ระดับต่ำ ศตวรรษ 1960 พัฒนาระบบสารสนเทศแบบรายงานการบริหาร (MRS) จัดทำรายงานที่จัดเตรียมรูปแบบไว้ล่วงหน้า รวมทั้งใช้สำหรับการตัดสินใจคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เป็นความรู้ระดับต่ำถึงปานกลาง 1970 ระบบสารสนเทศเพื่อการการตัดสินใจ (DSS) สำหรับตัดสินใจกลยุทธ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ความรู้ที่ใช้ในระบบนี้เป็นระบบความรู้แบบพรรณนาให้เหตุผลในการใช้ แก้ปัญหาและตัดสินใจ 1980 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้ใช้หลายคนในองค์กรได้เผยแพร่ขึ้น ความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร 1990 เป็นต้นมา เทคโนโลยีสารสนเทศใช้แอพพลิเคชั่นผ่านเว็บ รวมทั้งการนำชิป (Chip) ไปฝั่งในอุปกรณ์ต่างๆ


6.2  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการจัดการความรู้
      ปัจจุบันหลายหน่วยงานได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการอย่างแพร่หลายทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วความถูกต้องและประหยัดเวลา

      6.2.1  การประยุกต์ใช้กับงานสำนักงาน

      6.2.1.1  งานจัดเก็บเอกสาร การเผยแพร่เอกสาร เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงสารสนเทศระหว่างแผนกหรือระหว่างหน่วยงานทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกที่อยู่ห่างไกล

      6.2.1.2  งานกระจายเอกสาร เป็นการกระจายสารสนเทศไปยังผู้ใช้ ณ จุดต่างๆ อาจกระทำได้โดยการเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถปฏิบัติงาน ณ จุดนี้ได้โดยอัตโนมัติได้แก่ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โทรสาร ระบบการประชุมทางไกล เป็นต้น

      6.2.1.3  งานจัดเก็บและค้นเอกสาร สามารถปฏิบัติได้ทั้งระบบออนไลน์และระบบออฟไลน์ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมรูปแบบอื่น เช่น ระบบงานฐานข้อมูล เป็นต้น

      6.2.1.4  งานจัดเตรียม จัดเก็บสารสนเทศในลักษณะภาพทั้งภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวและเสียง

      6.2.2  การประยุกต์ใช้กับงานด้านการฝึกอบรมและการศึกษา มีแนวทางในการใช้มากมายขึ้นแต่ที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไปมี 6 ประเภท คือ

     6.2.2.1  การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) เป็นการนำเอาคำอธิบายบทเรียนมาบรรจุไว้ในคอมพิวเตอร์แล้วนำบทเรียนนั้นมาแสดงแก่ผู้เรียนเมื่อผู้เรียนอ่านคำอธิบายนั้นแล้วคอมพิวเตอร์ก็จะทดสอบความเข้าใจว่าถูกต้องหรือไม่หากไม่ถูกต้องก็ต้องมีวิธีการอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมให้เข้าใจมากขึ้นแล้วถามซ้ำอีก ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาการ ถึงระดับใช้ สื่อประสมและใช้เทคนิคต่างๆเพื่อให้การสอนบรรลุผลสัมฤทธิ์มากขึ้น

     6.2.2.2  การศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการศึกษาทางไกลมีหลายแบบตั้งแต่แบบง่าย ๆ เช่น การใช้วิทยุ โทรทัศน์ ออกอากาศให้ผู้เรียนศึกษาเองตามเวลาที่ออกอากาศ ไปจนถึงการใช้ระบบแพร่ภาพผ่านดาวเทียม (Direct To Home : DTH) หรือการประยุกต์ใช้ระบบประชุมทางไกล (Video Teleconference) โดยใช้ผู้สอน และผู้เรียนสามารถสื่อสารถึงกันได้ทันทีเพื่อสอบถามข้อสงสัยหรืออธิบายคำสอนเพิ่มเติม

     6.2.2.3  เครือข่ายการศึกษา เป็นการจัดทำเครือข่ายการศึกษาเพื่อให้ครู อาจารย์ และนักเรียนนักศึกษามีโอกาสใช้เครือข่ายเพื่อเสาะแสวงหาความรู้ที่มีอยู่อย่างมากมายในโลก และใช้บริการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ทางการศึกษาเช่น บริการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) การเผยแพร่ และค้นหาข้อมูลในระบบเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) ซึ่งส่วนมากเป็นเครือข่ายที่ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้สารสนเทศแต่อย่างใด

     6.2.2.4  การใช้งานห้องสมุด ในปัจจุบันห้องสมุดมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนเกือบทุกแห่งได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินงานทำให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกมากขึ้น เช่น บริการยืมคืน การค้นหาหนังสือ วารสาร สิ่งตีพิมพ์ต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

     6.2.2.5  การใช้ในงานประจำและงานบริหาร เช่นการจัดทำทะเบียนประวัติของนักเรียนนักศึกษาการเลือกเรียน การลงทะเบียนเรียนการแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การแนะแนวอาชีพ และศึกษาต่อ ข้อมูลผู้ปกครองหรือ ข้อมูลครู ซึ่งการมีข้อมูลดังกล่าวทำให้ครูอาจารย์สามารถติดตาม และดูแลนักเรียนได้อย่างดีรวมทั้งครูอาจารย์สามารถพัฒนาตนเองได้สูงขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น